มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: Hyundai Ioniq 5 First Edition นี่สินะรถไฟฟ้างานเกาหลีHyundai Ioniq 5 First Edition รถยนต์แฮตข์แบ็กไฟฟ้าตัวท็อป มอเตอร์เดี่ยวพลัง 217 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร มาพร้อมล้อ 20 นิ้ว หลังคาพาโนรามิค กับระยะทางวิ่งได้ 451 กม. (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 ใน 7.4 วินาที และความเร็วล็อคที่ 185 กม./ชม. นำเข้าจากเกาหลีใต้ทั้งคัน ราคา 2,399,000 บาท
IONIQ 5 ได้รับ 3 รางวัลทรงเกียรติจากงาน World Car Awards ประจำปี 2022 ทั้งรางวัล "World Car of The Year, World EV of The Year และ World Car Design of The Year" มาพร้อมล้ำหน้าด้วยไฟ Parametric Pixel ทั้งด้านหน้าและด้านหลังกันชนหน้ารูปตัววีที่สวยสะดุดตา ฝากระโปรงแบบ Clamshell มือจับประตูแบบพับเก็บได้ และล้อขนาด 20 นิ้ว หลังคาดีไซน์เอกลักษณ์แบบ Vision Roof เพิ่มความโปร่งสบายด้วยแผงกระจกขนาดใหญ่แผ่นเดียวไม่มีสิ่งใดปิดกั้น และด้วยแนวคิดให้ความสบายสูงสุดเป็นที่ตั้ง IONIQ 5 จึงใช้เบาะนั่ง Zero Gravity Seat
เริ่มสตาร์ตจาก IONIQ Lab ตึก True Digital Park สุขุมวิท ออกเดินทางสู่ร้านอาหาร The Artisans อยุธยา ระยะทางไปกลับรวมประมาณ 200 กม. แบตฯ จาก 98% วิ่งได้ 402 กม. ไปกลับลดเหลือ 30% ระยะทางคงเหลือ 104 กม. สรุปว่าไฟพอ แต่... การขับขี่ครั้งนี้เน้นลองสมรรถนะอัตราเร่ง ออกตัว แซง และลองท็อปสปีด ตัวเลขและระดับแบตฯ ที่เหลือหลังจบทริปจึงไม่แย่เกินไป ถ้าขับปกคิอาจจะเหลือเยอะกว่านี้
นุ่มนวลแบบผู้ดีเกาหลี
Hyundai Ioniq 5 First Edition ให้อัตราเร่งมาแบบผู้ดี สไตล์นุ่ม ๆ ไม่กระชาก แม้จะอยู่โหมดสปอร์ต ขัดกับหน้าตาที่คาดหวังไว้ แต่เมื่อลอบลำไปแล้วความเร็วขยับขึ้นอย่างทันใจและแผ่วช่วงปลายที่ความเร็ว 170 กม./ชม. ขึ้นไป เริ่มเอื่อย ๆ ถนนหมดจึงไปไม่ถึง 185 กม./ชม. ตามที่ล็อกไว้ในสเปค มองว่าทำให้คนเคบขับรถสันดาปไม่ต้องปรับตัวเยอะมีฟิวลิ่งใกล้เคียงรถน้ำมันมาก จากการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วย VBox GPS นั่งในรถ 4 คน ได้ 8.39 วินาที เกินจากสเปคโรงงานที่ 7.4 วินาทีถือว่าใกล้เคียงครับ
ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ แบกน้ำหนักเกือบ 2 ตัน ทำให้รับรู้ถึงอาการกระเทือนที่ความเร็วต่ำแบบตึงตังกระเด้งนิด ๆ ด้วยลมยาง 51 PSI และเมื่อความเร็วกลาง ๆ พอรู้สึกถึงความนุ่มกำลังดี มีความหนึบแบบนุ่มนวลนั่งสบาย แต่ถ้าในความเร็วสูงและเวลาเปลี่ยนช่องทางหรือผ่านคอสะพานเริ่มมีอาการโยนและนุ่มจนท้ายออกหรือดิ้นเบา ๆ คล้ายนั่งเรือ โดยรวมเซ็ตมาเพื่อขับขี่สบาย ๆ นุ่มนวลเป็นหลักและบวกด้วยน้ำหนัก 1.99 ตัน จึงมีระยะยวบและห้อยมากหน่อย
ฝาเปิดไฟฟ้า กดที่รีโมทได้ด้วย รองรับหัวชาร์จ CCS Type2
ช่องดักลมเปิด-เปิดตามการระบายความร้อนระบบแบตฯ และเพื่อแอโร่ไดนามิค
สำหรับด้านหน้ามีช่องระบายอาการที่เปิด-ปิด อัตโนมัติ ตามอุณหภูมิในระบบแบตเตอรี่หรือความเร็ว เพื่อระบายอาการและหลักอากาศพลศาสาตร์อีกด้วย
Hyundai Ioniq 5 First Edition
แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าแรงสูง ความจุ 72.6 kWh กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งทันใจจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 185 กม./ชม. โดยมีระยะการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 481 กิโลเมตร1 ตามมาตรฐาน WLTP
IONIQ 5 Exclusive / Premium แบตเตอรี่มีความจุ
แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าแรงสูง ความจุ 58 kWh กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งทันใจจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 185 กม./ชม. มีระยะการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 384 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
IONIQ 5 ร้อนแรงไม่แพ้แดดที่อยุธยา.....
*ระยะเวลาการชาร์จอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศและกําลังไฟฟ้าที่ได้รับจากแหล่งจ่ายไฟ
เทคโนโลยีครบพร้อมสิ่งอำนวยความสะบายแบบ "มินิมอล"
ภายในตำแหน่งคนขับกล้าพูดว่าเป็นดีไซน์ที่ล้ำและสวยน่ามอง รายละเอียดต่าง ๆ จัดวางได้อย่างมีประโยชน์ใช้งานได้จริง มาตรวัดยาวขนาด 12.3 นิ้ว ต่อกัน 2 จอ ดูคุ้น ๆ ตา เหมือนค่ายรถจีนหลายรุ่น แต่ดิสเพลย์และฟังก์ชั่น ดูมีรายละเอียดมาก และใช้โทรสีดูสบายตา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ท้ายตัด "D-shape" ก้านไฟเลี้ยวอยู่มางขวา ปัดน้ำฝันทางซ้ายตรงกับลักษณะรถขับด้านขวา ก้านเกียร์แยกออกมาต่างหาก หมดกังวลเรื่องการใช้งานที่ซ้ำกันกันการใช้ไฟเลี้ยว!
Hyundai Ioniq 5 First Edition ต้องยกให้เรื่องเทคโนโลยีที่ให้มีเยอะจริงเริ่มที่ระบบกล้องส่องด้านข้างขณะเปิดไฟเลี้ยวซ้ายขวา ชัดแจ๋ว กล้องรอบคันปรับได้หลายมุมชัดเจน ระบบเตือนและดึงกลับออกนอกเลนสมูทและนุ่มเนียนไม่กระชาก ระบบความคุ้มความเร็วแปรผันแบบ all speed ทำงานนุ่มนวลแม่นยำไม่กระชาก เช่นกัน บนพวงมาลัยมีแพดเดิ้ลชิฟ ใช้เพิ่ม/ลด การหน่วงความเร็วและชาร์จไฟกลับ มี 3 ระดับ และระดับสุดท้ายเป็น I-PADDLE ขับด้วยคันเร่งเดียว
แม้จะเป็นรถอนาคตล้ำสมัยแต่ก็ใส่ใจในการใช้งานที่ง่าย เช่น ปุ่มเปิด-ปิด เพิ่ม-ลดเสียง และปรับเลือกคลื่นวิทยุ ยังใช้ง่าย ๆ ไม่ต้องเข้าไปในจอ ปุ่มปรับแอร์แบบสัมผัสใช้สะดวก ปุ่มเลือกโหมดขับขี่ 3 แบบ Eco/Narmal/Sport บนพวงมาลัย ไม่ต้องสั่งผ่านจอสัมผัสให้วุ่นวาย ถือว่าเป็นรถที่ใช้งานได้ง่าย ๆ ตามความคุ้มเคยไม่ต้องปรับตัวมากเกินไป
สวิตช์เลือกโหมดขับขี่นี้ ใช้งานงานง่ายไม่ต้องควานหาบนจอกลาง
มาตรวัดคนขับแสดงรายละเอียดได้ครบถ้วน ทั้งการทำงานระบบช่วยเหลือขับขี่ แสดงภาพจากกล้องมุมอับด้านข้าง บอกรายละเอียดระดับ แบตฯ ระดับรีเจนเนอเรตไฟฟ้า ความเร็ว หน้าจอผู้ขับและจอบันเทิงเปลี่ยนสีพื้นหลังได้ ดำ/ขาว รองรับ ios /android auto ยังใช้เสียบสายอยู่ คอนโซลกลางเลื่อนหน้าหลังได้ และแท่นชาร์จไร้สาย ช่องเสียบ USB หน้า 3 จุด แต่ขัดใจที่มี Type A เท่านั้น
กว้างโปร่งโล่งสบาย ม่านแบบเปิด-ปิดเข้าหากันเหมือนม่านโรงหนัง
ฟังก์ชั่นความสะดวก....คอนโซลกลางเลื่อนหน้า-หลังได้ เพื่อการเข้าออกในที่แคบ....พี่เกาหลีว่างั้นครับ
พื้นที่ส่วนท้ายกว้างมาก พับเบาะนอนสบาย ๆ
จุดเด่นภายในแบบ "มินิมอล" คือ ลิ้นชักที่เป็นลิ้นชัก คอนโซลกลางเลื่อนหน้า-หลังได้ สะดวกในการเข้าออก ที่วางของกระจุกกระจิกเยอะ ที่วางแขนด้านหน้ายกเก็บได้ ก้านเปลี่ยนเกียร์เป็นแบบ "หมุน" ใช้ง่ายกว่าการเลื่อนก้านขึ้น-ลง ไฟเลี้ยวย้ามมาทางขวา ไม่ต้องสับสน ส่วนเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมดันหลังและระบบเป่าลมร้อนและเย็น จดจำ 2 ตำแหน่งฝั่งคนขับ และมีระบบเลื่อนเบาะเข้า-ออกเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ เบาะสามารถปรับเอนนอนแบบ “เก้าอี้หมดฟัน” เพื่อพักผ่อนรอระหว่างชาร์จไฟ ฯลฯ ได้ หลังคาพาโนรามิคพร้อมม่านไฟฟ้าเปิด-ปิดแบบแบ่งครึ่ง ช่องแอร์ด้านหลังฝั่งตรงเสาประตู 2 ฝั่ง
ไฟเลี้ยวอยู่ขวาแยกกับคันเกียร์ ไม่ต้องปรับตัวเยอะ
เข้าเกียร์แค่ "หมุน" แบบนี้ดีงาม เพราะไม่ต้องโยกให้สับสนเหมือนเปิดไฟเลี้ยว
สวิตช์ความคุมการใช้งานต่าง ๆ อยู่ฝั่งขวาคนขับ
ตะเอ๋.....ที่ชาร์จไร้สายอยู่ตรงนี้นะครับ ซ่อนซะลึกเลย
ลิ้นชักที่แท้ทรู....คือ เลื่อนเข้า-ออกแบบตรง ๆ ไม่ใช่เปิดแบบ "เก๊ะ" ที่เปิดลงโดนหัวเข่า......
กุญแจสามารถสั่งเปิด-ท้ายได้ สั่งเปิดระบบปรับปรับอากาศ และสั่งเปิดฝาเพื่อชาร์จไฟฟ้าที่รองรับหัวชาร์จ CCS Type 2
สรุปความคุ้มค่า
สรุปว่า Hyunda Ionoq5 First edition ราคา 2,399,000 บาท ได้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์เกาหลีที่น่าเชื่อถือ ระบบการขับขี่มอเตอร์ไฟฟ้าที่สเถียร เทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยเต็มคัน แม้จะไม่เท่ารถจ่ายฝั่งจีน แต่สมรรถนะรวมนับว่าทำได้ดีกับราคานี้อาจดูแพงหน่อย เพราะนำเข้าทั้งคันจากเกาหลี ใครเป็นแฟน ๆ ของฮุนได ต้องลองขับแล้วอาจตัดสิ้นใจเป็นเจ้าของง่ายขึ้นครับ
แม้จะมีเทคโนโลยีมากมายงานประกอบเนียม วัสดุดูพรีเมี่ยมหรูหรา แต่ส่วนตัวมองว่า ยังมีไม่คุ้มกับราคาเท่าไหร่ หากมีการปรับปรุงในส่วนต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เช่น ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบช่วงล่างที่อาจต้องเฟิร์มกว่านี้ เพราะกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าระดับ 200 กว่าม้า ต้องมั่นใจและเอาอยู่ การเชื่อมต่อ IOS ยังใช้งานยาก (แต่ยังไม่ได้ลองฝั่ง Android) เบาะนั่งคู่หน้าเล็กพอดีตัว (สำหรับผู้ทดสอบสูง 176 ซม. และหนัก 90 กก.) ขอบเบาะจึงยันกับช่วงสะโพกเยอะไปเวลานั่งนาน ๆ ต้องขยับตัวบ่อย และถ้าแยกปรับแรงลมแอร์ด้านหลังก็ยิ่งดีครับ
IONIQ 5 หมดห่วงด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงนาน 8 ปี2 หรือ 160,000 กม. และการรับประกันรถยนต์ 5 ปี2 หรือ 150,000 กม. ทั้งยังมอบสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้า IONIQ 5 ด้วยแพคเกจบริการหลังการขายครบวงจร2 อาทิ ฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 10 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีแท่นชาร์จที่บ้านรวมค่าติดตั้ง ฟรีบริการ V2V นาน 5 ปี และ บริการขนส่งรถยนต์ถึงบ้าน ปีละ 2 ครั้ง
รถยนต์ฮุนไดที่นำมาทดสอบในทริปนี้เป็นรถเช่าจาก EV ME ใครสนใจไปตดต่อสอบทดลองใช้งานก่อนซื้อจริงได้นะครับ