หมอออนไลน์: โรคบิด (Dysentery) โรคบิด (Dysentery) เป็นโรคติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง โดยมีลักษณะเด่นคือการมี มูกเลือดปน ออกมากับอุจจาระ ซึ่งต่างจากอาการท้องเสียทั่วไปที่เป็นน้ำเพียงอย่างเดียว
สาเหตุของโรคบิด
โรคบิดเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามสาเหตุของการติดเชื้อ
โรคบิดจากแบคทีเรีย (Bacillary Dysentery): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Shigella (ชิเกลลา) ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย
โรคบิดจากอะมีบา (Amoebic Dysentery): เกิดจากเชื้ออะมีบา Entamoeba histolytica (เอนตามีบา ฮิสโตไลติกา) ซึ่งเป็นพยาธิชนิดหนึ่ง มักพบในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดีและแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเช่นกัน
อาการของโรคบิด
อาการจะเริ่มปรากฏหลังได้รับเชื้อประมาณ 1-3 วัน และมักมีอาการดังนี้
ปวดท้องรุนแรง: มีอาการปวดบิดเป็นพักๆ บริเวณท้องน้อย
ถ่ายเป็นมูกเลือด: มีอุจจาระปนเลือดและมูก ซึ่งเป็นอาการสำคัญที่บ่งบอกว่าเป็นโรคบิด
เบ่งอุจจาระ: รู้สึกปวดเบ่งคล้ายจะถ่ายอุจจาระตลอดเวลา แม้จะไม่มีอุจจาระออกมาแล้ว (Tenesmus)
ไข้และอ่อนเพลีย: อาจมีไข้สูง, อ่อนเพลีย, และรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน
การรักษา
โรคบิดจากแบคทีเรีย: การรักษาหลักคือการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และการให้สารน้ำทางปากเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากการท้องเสีย
โรคบิดจากอะมีบา: แพทย์จะให้ยาต้านเชื้ออะมีบาโดยเฉพาะ
การรักษาด้วยตนเองโดยการซื้อยาปฏิชีวนะมาทานเองอาจไม่ได้ผลและอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
การป้องกัน
การป้องกันโรคบิดที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัย
ล้างมือให้สะอาด: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
ทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่: หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก และอาหารค้างคืน
ดื่มน้ำสะอาด: เลือกดื่มน้ำต้มสุก หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
ดูแลสุขอนามัยในครัวเรือน: ทำความสะอาดห้องน้ำและบริเวณที่มีการปนเปื้อนอย่างสม่ำเสมอ
หากมีอาการท้องเสียรุนแรงโดยเฉพาะเมื่อมีเลือดปน ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมค่ะ